จัดมา 6 เพลง ฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลงสากลในยุค 70-80's พร้อมคำแปล ฟังไปร้องได้ทุกคนแน่นอนจ้า
หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้า ได้มาบอกเล่า เก้าสิบ แนะนำเพลงภาษาอังกฤษสากลในยุค 60's เพื่อฝึกภาษาอังกฤษกันไปแล้ว เรียกว่าน่าจะถูกใจและฝึกร้องร้องคลอตามกันได้ไม่น้อยนะคะ หรือบางคน ถ้าร้องไม่ได้ ก็สามารถลิปซิงค์ (Lip Sing) อ้าปากคลอไปตามเสียงเพลงได้ด้วย เรียกว่าสามารถสร้างความเพลิดเพลินจำเริญใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนต่อผู้ฟังได้ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
ส่วนบทความในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาคุณผู้อ่าน รวมทั้งเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ หรือผู้ที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษอยู่ มาฝึกร้องเพลงกันต่อกับเพลงสากลในยุค 70-80's ซึ่งมีบทเพลงไพเราะ เพราะพริ้ง สุดสวิงริงโก้ เฮโลขับขาน ร้าวรานถึงทรวงในอยู่หลายเพลง รวมท้งเป็นที่รู้จัก คุ้นหูกันมาเป็นอย่างดี แถมเนื้อหาฟังเข้าใจง่าย ที่หลายๆคนสามารถร้องตามได้ ส่วนจะมีเพลงอะไรบ้างนั้น ตามไปอ่านและร้องตาม Youtube กันได้เลยจ้า
1.When will I see you again
Youtuber upload by AUGUSTUS66ful
1.Song : When Will I see you again (เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง)
- Artist : The Three Degree (ต้นฉบับศิลปิน,นักร้อง : วงเดอะ ทรี ดีกรี)
- To released on Year : 1974 (ปี พ.ศ.2517)
หนึ่งในเพลงอมตะ สุดคลาสสิคยุค 70's กับวงน้องร้อง 3 สาวอเมริกัน ที่โด่งดังไปทั่วโลก เนื้อหาเพลงไพเราะ เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน สมัยอดีตผู้คนนิยมฟังผ่านวิทยุ หรือไปฟังที่ภัตตาคาร ร้านอาหารที่มีนักร้องเพลงสากล หากใครมีเงินมากหน่อยก็สามารถซื้อแผ่นเสียงมาเปิดฟังได้
เนื้อเพลงและคำแปล
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will we share precious moments?
เมื่อไหร่เราจะได้แบ่งปันช่วงเวลาอันมีค่าด้วยกัน
Will I have to wait forever?
ฉันจะต้องรอไปตลอดกาลเลยไช่ไหม
Will I have to suffer? (Suffer)
ฉันจะต้องทนทุกข์อีกนานหรือเปล่า
And cry the whole night through?
และร้องให้ตลอดไปทั้งคืนเลยไช่ใหม
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will our hearts beat together?
เมื่อไหร่นะหัวใจของเราสุขอุราไปด้วยกัน
Are we in love or just friends?
เรากำลังรักกันอยู่ หรือว่าเราเป็นแค่เพียงกันเท่านั้น
Is this my beginning or is this the end?
นี่คือจุดเริ่มต้นความรักของฉัน หรือว่านี่คือจุดสิ้นสุดความรักกันแน่
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
Hah, hoo
(Precious moments)
ช่วงเวลาอันมีค่า
Are we in love or just friends?
เรากำลังรักกันอยู่ หรือว่าเราเป็นแค่เพียงกันเท่านั้น
Is this my beginning or is this the end? (Is this the end?)
นี่คือจุดเริ่มต้นความรักของฉัน หรือว่านี่คือจุดสิ้นสุดความรักกันแน่
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
When will I see you again?
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
Sweet, sweet love of mine
ความรักแสนหวานชื่น รื่นอุราของฉัน
(When will I see you again?) Come on, come on
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง รีบมาเลย รีบมาเลย
(When will I see you again?) Tell me when
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง บอกฉันหน่อยเถอะว่าจะมาเหมื่อไหร่
(When will I see you again?) My sweet love, oh, yes
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง ที่รักของฉัน
(When will I see you again?) Ooh, yeah
เมื่อไหร่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง
-----------------------------------------------------------------------------------------
2.Song : Sha-La-La-La-La ( เพลง ชาลาลาลาล่า)
Youtube/upload by gordonpihl
2.Song : Sha-La-La-La-La (ชาลาลาลาล่า)
- Artist : Walkers (ต้นฉบับศิลปิน,นักร้อง : วงว็อกเกอร์)
- To released on Year : 1973 (ปี พ.ศ.2516)
เป็นเพลงดังอมตะในยุค 70 อีกหนึ่งเพลงสากล ซึ่งเป็นที่รู้จักและร้องกันมาถึงปัจจุบัน เนื้อหาเพลงเข้าใจง่าย ร้องได้ทุกคน
เนื้อเพลงดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเท่านั้น
สิทธิ์ในเนื้อเพลงยังคงเป็นของผู้ประพันธ์หรือผู้ถือสิทธิ์เช่นเดิม
แปลความหมายเพลง Sha-La-La-La-La ( เพลง ชาลาลาลาล่า)
There's a girl in my mind and he knows I'm thinkin' of her
มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอยู่ในใจของฉัน และเขาก็รู้ดีว่าฉันคิดถึงเขา
All my way to the day and the night the stars shine above me.
ตลอดเวลาเมื่อดวงดาวส่องแสงสว่างอยู่เบื้องบน
She's been gone for some time but I know I truly love her.
แธอจากฉันไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ฉันก็รู้ดีว่าฉันรักเธอด้วยใจจริง
And I'm singing a song, hoping she'll be back when she hears it.
และฉันก็ร้องเพลง, หวังว่าเธอคงจะกลับมาเมื่อเธอได้ยินมัน
My heart goes shalala lala, shalala in the morning.
หัวใจคุณเต้นร้องออกไปว่า ชาลาลาลาลา ชาลาลา ในตอนเช้า
Oh oh oh shalala lala, shalala in the sunshine.
โอ้..โอ้..โอ้..ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ในตอนกลางวัน
Sha la la la la, sha la la lala in the evening.
ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ลาลา ในตอนเย็น
Shalala lala shalala lala just for you.
ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ลาลา เพื่อเธอเท่านั้น
If your love's gone away just like mine you feel like crying.
เมื่อคนรักของคุณนั้นจากไปเหมือนกับฉัน คุณก็คงรู้สึกอยากจะร้องไห้
Sing along maybe once maybe twice, let's try it together.
มาร้องเพลงนี้ด้วยกันสักหนึ่งครั้ง หรืออาจจะสองครั้งก็ได้, มาลองร้องไปพร้อมๆ กันนะ
Some sweet day no one knows she'll return and you'll be happy.
ใครจะไปรู้ว่า อาจจะมีวันที่แสนหวานเกิดขึ้น เมื่อคุณนั้นหวนกลับมา แล้วคุณก็จะมีความสุข
Shout it sweet in a song, listen to your heart it is singin'
ร้องตะโกนกับเพลงอันแสนหวานนี้, ฟังซิ หัวใจของคุณมันก็กำลังร้องเพลง
Your heart goes shalala lala, shalala in the morning.
หัวใจคุณเต้นร้องออกไปว่า ชาลาลาลาลา ชาลาลา ในตอนเช้า
Oh oh oh shalala lala, shalala in the sunshine.
โอ้..โอ้..โอ้..ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ในตอนกลางวัน
Shalala lala, shalala lala in the evening.
ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ลาลา ในตอนเย็น
Shalala lala shalala lala just for you.
ชาลาลา ลาลา, ชาลาลา ลาลา เพื่อคุณเท่านั้น
--------------------------------------------
Youtube/Upload by Dionne Warwick
3.Song : That's What Friend Are For (นั้นคือความหมายของคำว่าเพื่อน)
- Artist : Dionne Warwick, Elton John, Gladys Knight, and Stevie Wonder. (รวมศิลปิน 4 นักร้องชื่อดัง)
- To released on Year : 1982 (ปี พ.ศ.2525)
เพลงสากลอันโด่งดังในยุค 80 ที่ร้องกันทั่วโลก เนื้อเพลง มีความหมาย เข้าใจง่าย เพลงแบบสบายๆ
แปลเพลง That’s What Friends Are For
And I never thought I’d feel this way
และฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันนั้นจะรู้สึกในแบบนี้
And as far as I’m concerned
และเท่าที่ที่ฉันนั้นกังวล
I’m glad I got the chance to say
ฉันยินดีที่ตัวฉันเองก็มีโอกาสที่ได้พูดออกไปด้วย
That I do believe I love you
โดยฉันเชื่อเหลือเกินว่าฉันรักคุณ
And if I should ever go away
และหากฉันควรที่จะเดินจากไป
Well then, close your eyes and try
จากนั้น คุณพยามปิดตาของคุณลง
To feel the way we do today
เพื่อที่จะรู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกันในวันนี้
And then if you can remember
และเพื่อให้คุณนั้นจดจำมันได้
Keep smilin’, keep shinin’
จงยิ้มต่อไป และเปล่งใสให้สดใสต่อไป
Knowin’ you can always count on me for sure
ฉันรู้นะว่า คุณนั้นเชื่อใจฉันได้เสมอ
That’s what friends are for
นั่นคือความหมายของมิตรภาพ
For good times and bad times
ที่จะอยู่ทั้งในช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่เลวร้าย
I’ll be on your side forevermore
ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณไปตลอด
That’s what friends are for
นั่นคือความหมายของมิตรภาพ
Well, you came and opened me
แล้วเมื่อคุณเข้ามา ก็เปิดโอกาสให้ฉัน
And now there’s so much more I see
และตอนนี้มีสิ่งมากมายที่ฉันนั้นได้พบเจอ
And so, by the way, I thank you
ยังไงก็ตามฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณ
Oh, and then, for the times when we’re apart
ในหลาย ๆ ครั้งที่เรานั้นไม่ได้อยู่ด้วยกัน
Well then, close your eyes and know
แต่ปิดตาของคุณลง และรับรู้
These words are comin’ from my heart
ถึงคำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากหัวใจของฉัน
And then if you can remember, oh
แล้วหากคุณนั้นจดจำมันได้
Keep smiling, keep shining
จงยิ้มต่อไป และเปล่งแสงให้สดใสต่อไป
Knowing you can always count on me for sure
ฉันรู้ว่าคุณนั้นเชื่อใจฉันได้เสมอ
That’s what friends are for
นั่นคือความหมายของมิตรภาพ
In good times, in bad times
ที่จะอยู่ทั้งในช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่เลวร้าย
I’ll be on your side forevermore
ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณไปตลอด
Oh, that’s what friends are for, oh
นั่นคือความหมายของมิตรภาพ
Ha ha, that’s what friends are for)
(นั่นและคือความหมายของคำว่าเพื่อน)
On me for sure
เชื่อใจฉันได้แน่นอน
Count on me for sure
ไว้ใจฉันได้เสมอ
Count on me for sure
และก็พึ่งพาฉันได้แน่นอน
That’s what friends are for
นั่นแหละคือความหมายของ "คำว่าเพื่อน"
Keep smilin’, keep shinin’
จงยิ้ม และเฉิดฉายให้สดใสแบบนี้ต่อไปนะ
--------------------------------------------------------------------------------
4.Have you ever seen the rain
Youtube/ Upload by Juando Aguilar
4.Song : Have you ever seen the rain (คุณเคยเห็นสายฝนหรือเปล่า)
- Artist : Creedence Clearwater Revival (กลุ่มนักร้อง วงครีเดนซ์เคลียร์วอเทอร์รีไววัล)
- To released on Year: 1970 (ปี พ.ศ.2513)
อีกหนึ่งเพลงชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงสุดปัง และรู้กันมาตลอดกาลถึงปัจจุบัน เนื้อหาเพลงออกแนวสไตล์ร็อคคันทรี ฟังสบายๆ เข้าใจง่าย ร้องตามได้ทุกคน
เนื้อเพลง(lyrics)
Someone told me long ago, there's a calm before the storm.
มีผู้บอกฉันนานแล้วว่า ท้องฟ้าจะเงียบสงบก่อนที่จะมีพายุ
I know, and it's been comin' for some time.
ฉันรู้แล้ว, และเคยเห็นมันปรากฎเองแล้วด้วยบางครั้ง
When it's over, so they say, it'll rain a sunny day.
เมื่อมันผ่านไป,เขาก็กล่าวกันว่า ฝนจะตกในวันแดดจ้า
I know, shinin' down like water.
ฉันรู้แล้ว,แสงส่องสว่างลงมาเหมือนกับสายฝน
I want to know, have you ever seen the rain?
ฉันอยากรู้,ว่าเธอเคยเห็นฝนหรือเปล่า
I want to know, have you ever seen the rain
ฉันอยากรู้,ว่าเธอเคยเห็นฝนหรือเปล่า
comin' down on a sunny day?
ตอนที่ฝนตกตอนแดดออก
Yesterday, and days before, sun is cold and rain is hard.
เมื่อวาน,และเมื่อวันก่อน,แสงอาทิตย์นั้นมืดลง และฝนก็ตกหนัก
I know, been that way for all my time.
ฉันรู้ ว่ามันเป็นเช่นนั้นเหมือนที่เคยเป็นตลอดมา
'Til forever on it goes through the circle fast and slow,
มันจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดไป ผ่านวัฏจักรไปเรื่อยๆ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ตามโอกาส
I know, and it can't stop, I wonder.
ฉันรู้ และฉันก็แค่สงสัยว่ามันคงจะเป็นไปเรื่อย ๆไม่มีวันจบสิ้นแน่นอน
I want to know, have you ever seen the rain?
ฉันอยากรู้,ว่าคุณเคยเห็นฝนหรือเปล่า
I want to know, have you ever seen the rain
ฉันอยากรู้,ว่าคุณเคยเห็นฝนหรือเปล่า
comin' down on a sunny day?
ตอนที่ตกตอนแดดออก
-----------------------------------------------------------
5.I just call to say I love you
Youtube/ Upload by no
5.Song : I just call to say I love you (ฉันก็แค่โทรมาบอกว่า ฉันรักคุณนะ)
- Artist : Stevie Wonder (ศิลปิน สตีฟ วันเดอร์)
- To released on Year:1984 (ปี พ.ศ.2527)
หนึ่งในศิลปินนักร้องผู้พิการทางสายซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในยุค 80 โดยเฉพาะเพลง I just call to say I love you เป็นเพลงไพเราะ ฟังเข้าใจง่าย และร้องตามได้ทุกคน
แปลความหมายของเพลง I just call to say I love you
No New Year’s Day to celebrate
ไม่ใช่วันปีใหม่ ที่จะต้องมาเฉลิมฉลอง
No chocolate covered candy hearts to give away
ไม่มีลูกอมหัวใจเคลือบช็อคโกแลตที่มอบให้
No first of Spring, no song to sing
ไม่ใช่วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ และไม่มีเพลงใด ๆ ที่จะร้อง
In fact here’s just another ordinary day
ในความเป็นจริง ตอนนี้ก็แค่เป็นวันหนึ่งที่แสนจะธรรมดา
No April rain, no flowers bloom
ไม่ใช่สายฝนในเดือนเมษายน ไม่ใช่ช่วงเวลาของดอกไม้ที่เบ่งบาน
No wedding Saturday, within the month of June
ไม่มีงานแต่งงานในวันเสาร์ในเดือนมิถุนายน
But what it is, is something true
แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่เป็นความจริง
Made up of these three words that I must say to you
เป็นสิ่งที่สร้างมาจากคำสามคำ ที่ฉันนั้นต้องพูดกับคุณให้ได้
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมาบอกว่าฉันนั้นรักคุณ
I just called to say how much I care
ฉันก็แค่โทรมา เพื่อบอกว่าฉันนั้นเป็นห่วงมากมายเพียงใด
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมา เพื่อพูดออกไปว่า ฉันรักคุณนะ
And I mean it from the bottom of my heart
และนั่นคือความตั้งใจของฉัน จากเบื้องลึกสุดหัวใจ
No summer’s high
ไม่ใช่ช่วงมึนเมาในฤดร้อน
No warm July
ไม่ใช่เดือนกรกฎาคมที่แสนอบอุ่น
No harvest moon to light one tender August night
ไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงในฤดูเก็บเกี่ยว ที่ฉายแสงครั้งหนึ่งในค่ำคืนเดือนสิงหาคม
No autumn breeze
ไม่มีสายลมของฤดูใบไม้ร่วง
No falling leaves
ไม่ใช่ปลิดปลิวของใบไม้ที่ร่วงหล่นมา
Not even time for birds to fly to southern skies
และก็ไม่ใช่ แม้แต่จะเป็นเวลาที่เหล่านกนั้นบินถลาออกไปยังฟากฟ้าทางทิศใต้
No Libra sun
ไม่ใช่ช่วงของตุลา
No Halloween
ไม่ใช่วันฮาโลวีน
No giving thanks to all the Christmas joy you bring
ไม่ใช่การมอบคำขอบคุณกับช่วงแห่งความสุขของคริสต์มาสทั้งหมดที่คุณมอบให้
But what it is, though old so new
แต่ สิ่งนี้นั้นเป็น สิ่งที่ผ่านมาจากอดีตและยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
To fill your heart like no three words could ever do
ที่จะเติมเต็มหัวใจของคุณ ดั่งเช่นคำสามคำนั้น
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมาบอกว่า ฉันนั้นรักคุณนะ
I just called to say how much I care
ฉันก็โทรมา เพียงเพื่อบอกว่าฉันนั้นเป็นห่วงมากมายเพียงใด
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมา เพื่อพูดออกไปว่า ฉันรักคุณ
And I mean it from the bottom of my heart
และนั่นคือความตั้งใจของฉัน จากเบื้องลึกสุดหัวใจ
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมาบอกว่า ฉันนั้นรักคุณนะ
I just called to say how much I care
ฉันก็โทรมา เพียงเพื่อบอกว่าฉันนั้นเป็นห่วงมากมายเพียงใด
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมา เพื่อพูดออกไปว่า ฉันรักคุณ
And I mean it from the bottom of my heart
และนั่นคือความตั้งใจของฉัน จากเบื้องลึกสุดหัวใจ
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมาบอกว่า ฉันนั้นรักคุณนะ
I just called to say how much I care
ฉันก็โทรมา เพียงเพื่อบอกว่าฉันนั้นเป็นห่วงมากมายเพียงใด
I just called to say I love you
ฉันก็แค่โทรมา เพื่อพูดออกไปว่า ฉันรักคุณนะ
And I mean it from the bottom of my heart
และนั่นคือความตั้งใจของฉัน จากเบื้องลึกสุดหัวใจ
Of my heart
จากหัวใจของฉันจริงๆ
Of my heart
จากหัวใจส่วนลึกของฉันจริงๆ
-------------------------------------------------------------------------
6.Top of The world
Youtube/ Upload by Billy Rees
6.Song : Top of The world (เหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้)
- Artist : Carpenters (ศิลปิน นักร้อง วงคาเพนเทอร์ )
- To released on Year : 1972 (ปี พ.ศ.2515)
เพลงภาษาอังกฤษสุดไพเราะอีกหนึ่งเพลงในยุค 70 ที่ยังครองใจ และร้องคลอตามกันได้มาถึงปัจจุบัน เนื้อหาเพลงมีความหมายที่ดี ฟังแบบสบายๆ เพื่อย้อนวันวาน
แปลความหมายของเพลง Top of The world (อยู่เหนือสิ่งอื่นใดในโลกใบนี้)
Such a feelin's coming over me
มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นจากใจของฉัน
There is wonder in most ev'ry thing I see,
ทุกสิ่งที่ฉันเห็นล้วนเป็นความมหัศจรรย์ที่สุด
Not a cloud in the sky got the sun in my eyes,
ในห้วงฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆหมอก มีเพียงแค่ดวงตะวันในดวงตาของฉัน
And I won't be surprised if it's a dream.
หากบอกว่านี่เป็นความฝัน ฉันก็จะไม่แปลกใจเลย
Ev'rything I want the world to be,
ทุกสิ่งที่ฉันอยากให้โลกใบนี้เป็นไป
Is now coming true especially for me,
หรือมันกำลังจะเป็นจริงสำหรับฉันแล้วในตอนนี้
And the reason is clear -It's because you are here,
แล้วเหตุผลก็เด่นแล้วชัดว่า เป็นเพราะคุณอยู่ที่นี่ด้วยนั้นเอง
You're the nearest thing to heaven that I've seen
คุณนั้นเป็นเหมือนแดนสวรรค์มากที่สุด เท่าที่ฉันเคยได้เจอมา
I'm on the top of the world lookin'
ตอนนี้ฉันอยู่บนเหนือสิ่งอื่นใดของโลกใบนี้ และกำลังมองลงมา
down on creation and the only explanation I can find
สิ่งเดียวที่ฉันพอจะอธิบายได้
Is the love that I've found, ever since you've been around
นั่นก็เพราะว่าฉันได้พบกับความรักแล้วล่ะ และนับตั้งแต่เธอได้เข้ามาในชีวิตฉัน
Your love's put me at the top of the world
รักของเธอทำให้ฉันอยู่เหนือสิ่งอื่นใดในโลกใบนี้
Something in the wind has learned my name,
มีบางสิ่งในสายลมที่พัดผ่าน ก็จักรู้ชื่อฉันแล้ว
and it's tellin' me that things are not the same,
และบอกกับฉันว่าสิ่งเหล่านั้นว่า มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
In the leaves on the trees and the touch of the breeze,
จะเป็นใบไม้ที่อยู่ต้นไม้ทั้งหลาย เพื่อสัมผัสรับอากาศที่ดีเลิศ
there's a pleasin' sense of happiness for me.
สำหรับฉันแล้ว นั้นถือเป็นสัมผัสแห่งความสุขยิ่งนัก
There is only one wish on my mind,
ในใจฉันนี้มีความปรารถนาเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
When this day is through I hope that I will find,
คือเมื่อผ่านวันนี้ไป ฉันหวังเพียงได้พบว่า
That tomorrow will be just the same for you and me,
พรุ่งนี้จะมีเธอและฉันอยู่ด้วยกันอีก
All I need will be mine if you are here.
ขอเพียงมีเธออยู่ที่นี่ นั่นคือทุกสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว
I'm on the top of the world lookin'
ตอนนี้ฉันอยู่เหนือสิ่งอื่นใดในโลกใบนี้ และก็กำลังมองลงมา
down on creation and the only explanation I can find
สิ่งเดียวที่ฉันพอจะอธิบายได้ นั่นก็คือฉันได้พบกับความรักแล้ว
Is the love that I've found, ever since you've been around
นับตั้งแต่เธอได้เข้ามาในชีวิตฉัน
Your love's put me at the top of the world
รักของเธอทำให้ฉันอยู่เหนือสิ่งอื่นใดของโลกใบนี้
เนื้อเพลงดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเท่านั้น
สิทธิ์ในเนื้อเพลงยังคงเป็นของผู้ประพันธ์หรือผู้ถือสิทธิ์เช่นเดิม
และสำหรับบทเพลงภาษาอังกฤษสากลในยุค 70-80's ที่ได้นำเสนอและนำมาให้ฟังพร้อมเนื้อเพลงและคำแปลไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ หรือน้องๆนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังมองหาเพลงอังกฤษความหมายดีๆ ฟังเข้าใจและร้องตามได้ง่ายๆกันอยู่ไม่น้อยนะคะ หากมีข้อผิดพลาด ประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ ขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่แวะเวียนเข้ามาเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
ฝึกภาษาอังกฤษง่ายๆ ผ่านเพลงสากลเกี่ยวกับความรัก คลิ๊กดูบทความจ้า>> |
ฝึกภาษาอังกฤษด้วยการร้องเพลงลิปซิ้งยอดนิยม มีเพลงอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
น่ารู้กับคำคมภาษาอังกฤษ แปลไทย เพื่อสร้างกำลังใจให้ดำเนินชีวิต คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่สามารถทำที่บ้านได้อย่างสำราญใจ คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาเที่ยวเมืองเชสกี้ กรุมลอฟ ไปดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>> |
แบ่งปันสาระคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเครื่องปรุงอาหารต่างๆ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับร้านตัดผมและร้านเสริมสวย คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
ภาษาอังกฤษกับการบรรยายบุคลิก นิสัยใจคอ มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
แบ่งปันคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ต่างๆ มีคำว่าอะไรบ้าง>> |
สาระน่ารู้กับเพลงภาษาอังกฤษยุค 60-70's เพื่อฝึกภาษาพร้อมคำแปล คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
น่ารู้เกี่ยวกับคำศัพท์คอมพิวเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ ที่ได้ใช้ประโยชน์แน่ๆ มีคำว่าอะไรบ้าง>>> |
แนะนำประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน ที่ได้ใช้ประโยชน์แน่ๆ คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวระนอง ลองแช่น้ำแร่ เช่ารถแลชมที่เที่ยวต่างๆ ตามไปกันเลย>> |
แบ่งปันรีวิวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองบราติสลาวา 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>>> |
รีวิวเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเท้าเดินชมสถานที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
แบกเป้เที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเอง มีที่เที่ยวจุดถ่ายรูปอะไรบ้าง ตามไปกันเลย>> |
รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทด้วยตัวเอง มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>> |