จังหวัดระนอง หรือ แร่นอง หนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวอีกแห่งของภาคใต้ ที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองแห่งน้ำแร่ และบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง จนได้ฉายาว่าเป็น เมืองแช่ออนเซ็นของเมืองไทย ที่ไม่ต้องบินไปแช่ไกลถึงเมืองนอก เมืองนา เพราะว่าใครที่อยากผ่อนคลาย ก็มานอนอาบน้ำแร่ แช่น้ำพุร้อน มาออนซอนที่เมืองแร่นองแห่งนี้
นอกจากนี้จากขึ้นชื่อ ลือชาเรื่องบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม โบราณสถาน หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้า ป่าชายเลนชายหาด น้ำทะเลสวยใส หมู่เกาะในท้องทะอันดามัน ก็สามารถนั่งเรือสปี๊ดโบ๊ทไปได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ส่วนใครที่ไม่ได้ข้ามไปเกาะ อยากจะเที่ยวในตัวเมืองระนอง ก็สามารถใช้บริการ นั่งรถสองแถวไม้ แสนกิ๊บเก๋ เที่ยวรอบเมืองได้ ส่วนใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ก็สามารถเช่ารถยนต์ หรือเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวในระนองได้แบบชิลๆ อีกทั้งในระนอง ยังมีร้านอาหารอร่อย ให้เลือกทานกันอย่างอิ่มหน่ำสำราญใจเลยทีเดียวล่ะค่ะ
สำหรับเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภาคนใหน ที่ช่วงนี้ วางแผนปักหมุดจะหยุดงานไปเที่ยวจังหวัดระนอง และจัดทริปโปรแกรมเที่ยวแบบสั้นๆสัก 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืน แต่ยังไม่รู้ว่าในตัวเมืองระนอง และที่เที่ยวใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้างวัน วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินถ่ายภาพวิวสวยๆยอดนิยมในระนอง ที่สามารถเช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเอง มาให้แวะไปเที่ยวกันดังนี้ค่ะ
เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ แทนพระราชวังหลังเดิมที่ทรุดโทรมและพุพังไป โดยพระราชวังดังกล่าว เดิมทีนั้นจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2433 โดยพระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองในขณะนั้น เนื่องด้วยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกเป็นครั้งแรกที่จะได้เสด็จไปถึงเมืองระนองในวันที่ 23-25 เมษายน พ.ศ. 2433 พระยารัตนเศรษฐีจึงได้สร้างพลับพลาที่ประทับรับเสด็จที่บนเนินควนอันอยู่ใจกลางเมือง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดระนอง ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง) ตำบลเขานิเวศน์ เป็นพระราชวังที่ทำด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง
ถือเป็นพระราชวัง ที่มีการประกาศพระบรมราชโองการ ยกขึ้นเป็นพระราชวัง 1 ใน 19 แห่งของ ประเทศไทย และเป็นพระราชวัง 1ใน 6 แห่งที่สร้างขึ้น ตามหัวเมือง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 เป็นพระราชวังที่ สร้างจากไม้ทั้งหลัง สวยงามาก เพื่อเป็นอนุสรณ์ ในการเสด็จประทับแรมของพระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์
|
2.หอพระเก้าเกจิ |
|
2.หอพระเก้าเกจิ |
|
2.หอพระเก้าเกจิ |
2.หอพระเก้าเกจิ
ตั้งอยู่ตำบลเขานิเวศน์ ในอำเภอเมืองระนอง ใกล้กับพระราชวังรัตนรังสรรค์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 ช่วงปีเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 200 ปี ภายในประดิษฐานรูปเหมือนของเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ ได้แก่ หลวงพ่อจันทร์ หลวงพ่อนุ้ย หลวงพ่อรื่น หลวงปู่ทวด หลวงพ่อเบี้ยว หลวงพ่อติ๋ว หลวงพ่อลอย หลวงพ่อน้อย และหลวงพ่อบรรณ ซึ่งถือเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของชาวระนอง รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมาสักการะบูชาลักษณะของหอพระ
มีรูปทรงเหมือนโบสถ์ทั่วไป แต่ย่อส่วนให้มีขนาดเล็กลง ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ธรรมชาติ มองไปทางด้านหลังจะเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด ตั้งอยู่บนเนินเชามองจากทางหน้าลงด้านหน้าลงไปก็จะเห็นบ้านเมืองระนองและเห็นพระราชวังรัตนรังสรร ด้านหน้าอาคารหอเป็นถนนเล็กตัดผ่านสวยงาม เนื่องจากพื้นที่เมืองระนอง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนภูเขา มีทัศนียภาพสวยงาม
|
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) |
|
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) เสาจวนอาคารหลังเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็นถึงปัจจุบัน |
|
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) |
|
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) ภายจวนในอดีตอันยิ่งใหญ่ |
|
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) |
|
3.กำแพงรอบคายจวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence) |
3.จวนเจ้าเมืองระนอง (Ranong Governor's Residence)อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานและประวัติศาสตร์สำคัญอีกแห่ง ตั้งอยู่ในเมืองระนอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2420 บนเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ โดยเป็นบ้านของเจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดระนอง คือ พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง ณ ระนอง) ในสมัยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) และภายในจวนเจ้าเมือง เป็นที่เก็บข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของต้นตระกูล ณ ระนอง ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ควบคู่กับความเจริญเติบโตของเมืองระนองอีกด้วย
หากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนระนอง จะเห็นกำแพงของเจ้าเมืองล้อมรอบภายในค่าย ซึ่งอาคารหลังเดิมยังคงมีหลักฐานเสาของจวนหลังเก่าให้ได้เห็นอยู่ ภายในยังจัดแสดงเรื่องราว ชีวิประวัติต่างๆของจวนเจ้าเมือง และประวัติของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี หรือ คอซู้เจียง ณ ระอง ให้ได้อ่านกันอีกด้วย
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองระนองแล้ง ไม่ได้มาเช็กอิน หรือแช่น้ำพุร้อน หรือน้ำแร่ที่เมืองนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองระนองนะคะ |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) |
|
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring) ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองระนองแล้ง ไม่ได้มาเช็กอิน หรือแช่น้ำพุร้อน หรือน้ำแร่ที่เมืองนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองระนองนะคะ |
3.บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (Raksawarin hot spring)ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองระนองแล้ง ไม่ได้มาเช็กอิน หรือแช่น้ำพุร้อน หรือน้ำแร่ที่เมืองนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเลยล่ะค่ะ เพราะระนอง มีบ่อน้ำพุร้อน ให้นอนแช่ออนเซนอยู่หลายแห่ง แต่ที่โด่งดังปังสุดๆ และอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองก็คือ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน น้ำพุร้อนใกล้เมืองระนอง ที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ด้วยอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส จึงทำให้น้ำแร่ร้อนจากที่นี่มีประโยชน์ ในการบำบัดรักษาสุขภาพ
โดยประกอบด้วยบ่อหลักๆ 3 บ่อ ได้แก่ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว ใกล้ ๆ กับบ่อน้ำร้อนยังมีสวนสาธารณะ “รักษะวาริน” หมายความว่า น้ำที่ใช้รักษาโรคได้ อันเป็นนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานไว้ เมื่อคราวเสด็จเยือนระนอง พ.ศ.2510 และใกล้ๆกับบ่อน้ำร้อน ก็ยังเป็นที่ตั้งของป่าในเมือง ซึ่งมีทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ได้ชมและเรียนรู้ รวมถึงมีมุมถ่ายภาพเช็คอินสวยๆอีกด้วย รวมทั้งบริการร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก มุมเก๋ๆ สำหรับถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินจำเริญใจ จัดเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียง ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องมาเยือนแทบทุกคน เมื่อมาเที่ยวเมืองนี้
|
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam) |
|
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam) |
|
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam) |
|
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam) |
|
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam) |
4.อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น (Hat Som Paen Dam)เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก มีที่ภูมิทัศน์และทัศนียภาพที่สวยงามอีกแห่งของจังหวัดระนอง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในที่สูงโอบล้อมด้วยหุบเขาเขียวขจี มีลมพัดเย็นสบายๆ และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายภาพกันอย่างไม่ขาดสาย
และเส้นทางจากเมืองระนองมายังอ่างเก็บน้ำ แวดล้อมด้วยป่าไม้เขียวขจี โดยอเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีความจุน้ำขนาด 10 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ซึ่งอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ยังเป็นอ่างที่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ จากการนำน้ำไปใช้ในการเกษตรหลายส่วน ไม่ว่าจเป็น สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้ และยังเป็นแหล่งน้ำดิบอีกแหล่งน้ำในการสูบน้ำขึ้นมาเพื่อการผลิตน้ำประปาไปยังเมืองระนองอีกด้วย
|
5.ระนองแคนย่อน (Ranong Canyon) |
|
5.ระนองแคนย่อน (Ranong Canyon) |
|
5.ระนองแคนย่อน (Ranong Canyon) |
|
5.ระนองแคนย่อน (Ranong Canyon) |
5.ระนองแคนย่อน (Ranong Canyon)จัดเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดระนอง อยู่เลยถัดจากอ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้นมาไม่ไกล ตัวเมืองประมาณ 15 กม. โดยใช้เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านทุ่งคา ตำบลหาดส้มแป้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นเหมืองแร่ดีบุกเก่า เป็นภูเขาหินปูนที่ถูกกัดเซาะจนเว้าแหว่งเกิดเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ช่วงเช้าของทุกวันที่บึงแห่งนี้จะมีหมอกขาวโพลนลอยเหนือน้ำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหมอกไล่น้ำ ทำให้กลายเป็นจุดเช็กอิน ถ่ายภาพอีกแห่งของเหล่านักเดินทาง
|
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum ) |
|
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum ) |
|
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum ) |
|
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum ) |
|
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum ) |
6.บ้านร้อยปีเทือนสือ (Baan Thein Suek Museum )เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งตั้งอยู่ในตัวเมืองระนอง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ บ้านเทียนสือ เป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี เปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมองค์ความรู้ เรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดระนอง อาทิเช่น
จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตภูมิ ปัญญาของท้องถิ่น หรือ ภาพถ่ายเก่าสำคัญ ที่ยืนยันความเป็นมาของบรรพบุรุษต้นตระกูล และส่วนอื่นๆ
โดยบ้านสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ผู้เป็นจ้าวบ้านคือ "ท่านเทียนสือ" ซึ่งเป็นหลานเขยของ คอซู้เจียง เจ้าเมืองระนอง โดยนายเทียนสือได้แต่งงานกับ "ฉ่ายหล่วน" ซึ่งเป็นหลานสาวของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซินบี้ณ ระนอง) เจ้าเมืองตรัง จึงได้สร้างบ้านหลังนี้ ในสมัยประมาณปี พ.ศ.2433 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากค่าย ณ ระนอง
นายเทือนสือมีบุตรทั้งหมด 5 คน ในค่ำคืนเดือนหงาย หรือท้องฟ้าสว่างไสว เทือนสือ มักจะชวนลูกหลานมาช่วยกัน นั่งนับเหรียญ (เงินในสมัยนั้นซึ่งค้าขายกับชาวตะวันตกด้วย) ในส่วนกลางบ้านและช่วยนำมาบรรจุในถุงผ้าใบที่สำหรับใช้ใส่แร่ดีบุก ดังนั้นบ้านเทือนสือจึงเปรียบเสมือนห้องคลังใจกลางเมืองระนอง จึงไม่แปลกใจเลยที่ทำให้บ้านเทือนสือ จะมีประตูเข้าตัวบ้านถึง 5 ชั้น กว่าจะถึงตัวบ้านด้านใน จะมีผนังกำแพงที่แข็งแรงมาก มีความหนาประมาณ 1 ฟุตครึ่ง หรือ 15 นิ้ว ก่อสร้างอย่างมั่นคงแข็งแรง ไม่มีชำรุด อยู่มานานร่วมนับร้อยปี และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน
|
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Mineral Spring) มีตาน้ำพุร้อนที่ออกจากซอกหินอยู่ทั่วบริเวณ สามารถแช่เท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย |
|
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Mineral Spring) |
|
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Mineral Spring) มีตาน้ำพุร้อนที่ออกจากซอกหินอยู่ทั่วบริเวณ สามารถแช่เท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย |
|
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Mineral Spring) |
|
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Spring) มีตาน้ำพุร้อนที่ออกจากซอกหินอยู่ทั่วบริเวณ สามารถแช่เท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย |
7.บ่อน้ำร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Mineral Spring)จัดเป็นบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงไม่แพ้บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน โดยบ่อน้ำร้อนพรรั้ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ลายร้อมไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์ และทัศนียภาพที่สวยงาม อยู่ห่างจากตัวเมืองระนอง 5 กิโลเมตร ไปตามทางสายเพชรเกษม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร โดยน้ำพุร้อนอยู่ในพื้นที่หุบเขารายล้อม มีแม่น้ำลำธารสายเล็กๆจากธรรมชาติใสสะอาดไหลผ่าน และน้ำในลำธารแห่งนี้ นอกจากเป็นลำน้ำธรรมชาติแล้ว ยังมีน้ำแร่ไหลผสมในลำคลองได้รับการดูแลโดยอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวอีกด้วย ตามทางเดินเข้าไปยังบ่อน้ำแร่ มีป้ายให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับที่มาของการเกิดบ่อน้ำร้อน
โดยภายในบริเวณของบ่อน้ำร้อน แต่ละพื้นที่มีเส้นทางเดิมเชื่อมแต่ละจุดกิจกรรม มีบ่อที่กักเก็บน้ำแร่ร้อน 1 บ่อใหญ่ กับ 2 บ่อเล็ก และบ่อแช่ตัว 6 บ่่อ มีตาน้ำพุร้อนที่ออกจากซอกหินอยู่ทั่วบริเวณ สามารถแช่เท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย มีนักเดินทางและนักท่องเที่ยวมาแช่เท้า และอาบน้ำแร่แห่งนี้ กันอย่างไม่ขาดสาย
|
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong) ในช่วงหน้าแล้ง ก็สวยร้อนแรงไม่เบาเลยนะ |
|
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong) ในช่วงหน้าแล้ง ก็สวยร้อนแรงไม่เบาเลยนะ |
|
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong) |
|
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong) |
|
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong) ในช่วงหน้าแล้ง ก็สวยร้อนแรงไม่เบาเลยนะ |
8.ภูเขาหญ้า หรือภูเขาหัวโล้น (Phu Khao Ya,Ranong)เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและจุดถ่ายภาพเช็กอิน ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของเมืองระนอง ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษม ทางหลวงใหญ่ เยื้องกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ห่างจากตัวเมืองระนอง ไปทางทิศใต้ประมาณ 13 กิโลเมตร โดยภูเขาหญ้าเป็นภูเขาหัวโล้นที่มีหญ้าขึ้นทั่วทั้งภูเขา ในช่วงหน้าฝนภูเขาหญ้าจะมีสีเขียว ส่วนในช่วงฤดูแล้งภูเขาหญ้าจะมีสีน้ำตาล ขนาดไม่สูงสามารถเดินขึ้นไปได้ เนินเขาแต่ละลูกมีทางเดินเชื่อมถึงกัน เมื่อขึ้นไปอยู่ด้านบนจะชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ
|
9.วัดบ้านหงาว (Wat Baan Ngao) |
|
9.วัดบ้านหงาว (Wat Baan Ngao) อุโบสถหลังงาม ประดิษฐานหลวงพ่อดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
9.วัดบ้านหงาว (Wat Baan Ngao) |
|
9.วัดบ้านหงาว (Wat Baan Ngao) อุโบสถหลังงาม ประดิษฐานหลวงพ่อดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
|
9.วัดบ้านหงาว (Wat Baan Ngao)ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาหญ้า เป็นวัดเด่น วัดดังอีกแห่งของเมืองระนอง ตั้งอยู่ที่บ้านเหงา มีอุโบสถที่สวยงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปดีบุก หรือหลวงพ่อดีบุกองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ใกล้กับวัดบ้านเหงาอยู่ใกล้กับภูเขาหญ้า และอยู่ตรงข้ามน้ำตกหงาว ภายในวัดมีวังมัฉจา มีปลาจำนวนมาก บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
|
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao) |
10.ภูหงาวดาวดึงส์ (Phu Ngao mountain, Wat Baan Ngao)ตั้งอยู่ที่วัดบ้านเหงา จัดเป็นภูเขาที่มีทัศนีภาพสวยงาม เป็นทางเดินตามแนวขั้นบันใดถึง 343 ขั้นเพื่อให้ผู้ที่มาไหว้พระที่วัดบ้านเหงา ได้เดินมาพิชิตและชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูป และมีระฆัง สามารถมองเห็นวิวบ้านเรือน แมกไม้ ป่าเขา และทะเลได้อย่างชัดเจน
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
|
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve) |
11.ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าชายเลนระนอง (Ranong Biosphere Reserve)เป็นพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณนี้มีความอุดมสามบูรณ์มากประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ มากมายและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ มากมายทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก และสัตว์เลื้อยคลาน โดยพื้นที่สงวนชีวมณฑลมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของความหลากหลายทางชีวภาพ การศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนการดำรงรักษาคุณค่าทางประเพณีและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง ยังจัดเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีทัศยีภาพสวยงาม และสมบูรณ์อีกแห่งของเมืองไทยด้วย
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) งามสุขล้น ดลฤทัยไปด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใส อันแสนเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ |
|
12.ขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองระนอง มาเดินย่องกินลม ชมวิวทะเลที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) งามสุขล้น ดลฤทัยไปด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใส อันแสนเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) งามสุขล้น ดลฤทัยไปด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใส อันแสนเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) |
|
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park) งามสุขล้น ดลฤทัยไปด้วยหาดทรายและน้ำทะเลใส อันแสนเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ |
12.อุทยานแห่งชาติแหลมสน (Laemson National Park)เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอกะเปอร์ ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 56 กิโลเมตร ร่มรื่นด้วยป่าสนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นที่อยู่ของนกนานาชนิด ทั้งมีหาดทรายขาวละเอียดเป็นแนวยาวและกว้างใหญ่ มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก
นอกจากนี้แล้วอุทยานแห่งชาติแหลมสน ประกอบด้วยพื้นที่ริมทะเลตั้งแต่ ตำบลราชกรูดลงไปจนถึง ถึงเกาะต่างๆ ในทะเลอันดามันคือ เกาะค้างคาว หมู่เกาะกำ สำหรับที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ที่หาดบางเบน อุทยานฯ มีภูมิอากาศสองแบบคือฤดูฝนซึ่งมีฝนตกชุก ระหว่างเดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายนและฤดูร้อนระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่ามากมาย ทั้งชายหาดสวยงาม ธรรมชาติและสัตว์ป่า นานาชนิด จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอีกด้วย
|
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
|
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
|
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
|
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
|
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
|
13.ทิวทัศน์ทะเลสวยบริเวณโบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple) |
13.โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม (Koh Phayam temple)โบสถ์กลางทะเล หรืออุโบสถกลางน้ำ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมือง จังหวัดระนอง มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า อุทุกกเขปสีมา ซึ่งหมายถึงโบสถ์กลางน้ำ ที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวถึงไว้ในพุทธกาล โดยเป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2528 เป็นการร่วมแรงร่วมใจของชาวเกาะพยาม ตัวโบสถ์มีสะพานยื่นใปในทะเล 150 เมตร ปลายสะพานมีรูปปั้นของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โบสถ์มีจุดที่ตัดขาด ไม่เชื่อมกับสะพาน ลักษณะเป็นอาคารทรงกลม มี 8 ประตู หมายถึง มรรค 8 ฐานโบสถ์เป็นดอกบัวล้อมรอบ ด้านบนหลังคาโบสถ์มีประพุทธรูปปางสีลาประดิษฐาน หันหน้าไปทางสู่ทะเล
|
14.หินทะเล หาดอ่าวเขาควาย สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในเกาะพยาม ที่ต้องตามกันมาถ่ายรูปภาพเช็กอินกันค่ะ |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
|
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach) |
14.หินทะลุ-ชายหาดอ่าวเขาควาย (Hin Talu Ao khao kwai beach)ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะพยาม มีชายหาดยาวประมาณ 3-4 กิโลเมตร แบ่งลักษณะชายหาดได้ 2 ส่วนคือ ชายหาดอ่าวควายเหนือ และอ่าวควายใต้
อ่าวเขาควายเหนือ เป็บบริเวณที่สวยที่สุดของอ่าว มีหาดทราย ที่ละเอียด น้ำทะเลใส คลื่นลมไม่แรง อ่าวเขาควายช่วงกลาง จะมีลักษณะของหินเยอะ เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีโขดหิน ที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงาม มีรูทะลุ คล้ายซุ้มประตู นับความงดงามทางธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นเวลานาน จนกลายเป็นหินทะลุ
ส่วนอ่าวเขาควายใต้ มีลักษณะคล้ายปากน้ำ มีคลองไหลเข้าสู่กลางเกาะ เป็นคลองสายสั้นๆ มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร อ่าวเขาควายใต้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ มีระบบนิเวศคล้ายป่าชายเลน แต่ต้นไม้หนาแน่น มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
|
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach) |
15.ชายหาดอ่าวกวางปีบ (Ao Kwang Peep Beach)เป็นชายหาดอ่าวที่ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะพยาม โดยอ่าวกวางปีบ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า อ่าวลิง ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ยืนต้นและธรรมชาติที่สวยงาม ชายหาดทรายขนาดสั้นๆ มีโขดหินเรียงรายอยู่บ้างไม่มาก แต่มีทัศนียภาพที่สวยงาม เงียบสงบ
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
|
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย |
16.เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ (Hippy Bar) ที่หาดอ่าวเขาควาย
ตั้งอยูที่ชายหาดอ่าวเขาควาย จัดเป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปเช็กอินถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงของเกาะพยาม ที่เหล่านักเดินทางทุกคนที่รักการถ่ายรูป ต้องแวะมาชมทะเล และเช็กอินคู่กับ Hippy Bar แห่งนี้สักครั้ง
|
17.ชายอ่าวแม่ม่าย (Ao Mae Mai) |
|
17.เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ขับเที่ยวเกาะพยาม กินลมชมวิวทะเลที่ชายอ่าวแม่ม่าย (Ao Mae Mai) |
|
17.ชายอ่าวแม่ม่าย (Ao Mae Mai) |
17.ชายอ่าวแม่ม่าย (Ao Mae Mai) ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือเกาะพยามที่สุด และยังเป็นชายหาดที่มีทัศนียภาพสวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาเรียวตัวทอดแนวยาวไกล และมีเรือเฟอรี่ ทั้งเรือด่วนและเรือธรรมดาให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดทุกๆชั่วโมงๆ ใกล้ๆเป็นโรงแรม รีสอร์ท และมีร้านอาหารอร่อยๆ ให้เลือกแวะทาน รวมทั้งคาเฟ่เล็กๆให้นังจิบชา กาแฟกัน ชมวิวทะเลอีกด้วย
และนอกจาก 17 แหล่งท่องเที่ยวที่ได้กล่าวมานี้แล้ว ในจังหวัดระนอง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามน่าสนใจอีกมากมายหลายแห่ง ให้เหล่าผู้รักการเดินทาง ได้แวะมาเที่ยวถ่ายภาพสวยๆกัน เรียกว่าเป็นเมืองรองน่าเที่ยว และมีทะเลสวยๆ แถมเงียบสงบ ไม่วุ่นวายอีกด้วย ยังไงก็อย่าลืมปักหมุด มาเที่ยวระนองกันเยอะนะคะ รับรองว่า ได้ภาพสวยๆกลับไป และได้ทานอาหารอร่อยๆอีกด้วยล่ะค่ะ
ส่วนบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเว็ปบล็อกนี้ ขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกับใหม่ในบล็อกถัดไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน