|
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ วัดศรีชุม วัดพระใหญ่ในวิหารกลางแจ้งอันเก่าแก่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่ใครก็ต้องไปชมกันสักครั้งครา |
ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดี กับเหล่าพี่ๆน้องๆผ่องเพื่อนเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกคน กลับมาพบกันบทความน่ารู้เล็กน้อยๆ ที่จะมานำเสนออีกเช่นเคยนะคะ หลังจากบทความบล็อกก่อนหน้าได้พาลั๊ลลา ไปยลตระการท่องเมืองเก่าอยุธยา แต่บล็อกนี้ขอล่องขึ้นเหนือไปท่องอาณาจักรสุโขทัย อีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ใครได้แวะไป ก็เห็นต้องหลงใหลในความศิวิไลในอดีตอย่างแท้จริง
และใครก็แล้วแต่ ที่ได้มาแลชม ยลตระการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คงจะพลาดไม่ได้ที่จะไปเที่ยวชม และสักการะนมัสการ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในอุโบสถกลางแจ้งอันเก่า ที่วัดศรีชุม วัดที่มีชื่อเสียงดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกให้แวะมาเยือนโบราณสถานแห่งนี้อย่างไม่เคยเสื่อมคลาย
|
โบราณสถานในเขตอุทยานแห่งประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมืองเดิม ภายในวัดมีโบราณสถานสำคัญได้แก่ มณฑป เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" |
เป็นหนึ่งในโบราณสถานในเขตอุทยานแห่งประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมืองเดิม ใน ตำบลเมืองเก่า ภายในวัดมีโบราณสถานสำคัญได้แก่ มณฑป เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป ขนาดความสูง 15 เมตร ที่ปรากฎชื่อในหลักศิลาจารึกที่ 1 ว่า พระอจนะ มีความหมายว่า ผู้ไม่หวั่นไหว ปัจจุบันยอดพระมณฑปได้พังทลายหมดแล้ว เหลือแต่เพียงผนังกำแพงโดยรอบ ไม่มีหลังคาปกคลุม
ภายในวัดศรีชุม มีสิ่งที่โดดเด่น คือ อุโมงค์ในช่องผนังของมณฑป มีภาพจารลายเส้นบนแผ่นหินชนวน เล่าเรื่องอดีตชาติต่างๆของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า ชาดก บางภาพมีลักษณะทางศิลปะกรรมคล้ายกับศิลปะลังกา โดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรื่องราวไว้ด้วย นอกจากนี้ยังค้นพบศิลาจารึกหลักที่ 2 เรียกว่าจารึก วัดศรีชุม ที่เล่าเรื่องราวการก่อตั้งราชวงศ์สุโขทัย
คำว่า ศรี มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิมของไทยว่า "สะหลี" ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ ศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ แต่ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่เขียนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่เข้าใจความหมายนี้แล้ว จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "ฤๅษีชุม" ซึ่งเป็นสถานที่ ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาประชุมทัพก่อนที่จะยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก อันเป็นต้นตอของตำนานเรื่อง พระพุทธรูปพูดได้ ที่เล่าขาดกันต่อมา
|
พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย |
สำหรับ พระพุทธอจนะ เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและสักการะอย่างไม่ขาดสาย และถือเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย ในปัจจุบันทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ไม่ห่างจากตัวโบราณสถานนัก มีวัดสร้างใหม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ใช้ชื่อว่าวัดศรีชุมเช่นเดียวกัน
|
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร องค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่เต็มวิหาร |
พระอจนะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้น แกนในก่ออิฐและศิลาแลง หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร องค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่เต็มวิหาร ศิลปะแบบสุโขทัย ซึ่งคำว่า อจนะ มีผู้ให้ความหมายพระอจนะว่าหมายถึงคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้”
ในช่วงสมัยอยุธยา เมื่อครั้งสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ. 2127 ที่เมืองแครง ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ ยกเลิกการส่งส่วยให้กับพม่า แต่ยังมีเมืองเชลียง ( สวรรคโลก) ที่ไม่ยอมทำตามพระราชโองการของพระองค์ พระองค์จึงนำทัพเสด็จมาปราบเมืองเชลียง และได้มีการมาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุมแห่งนี้ก่อนที่จะไปตีเมืองเชลียง
และด้วยการรบในครั้งนั้นเป็นการรบระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน ทำให้เหล่าทหารไม่มีกำลังใจในการรบไม่อยากรบ สมเด็จพระนเรศวรจึงได้วางแผนสร้างกำลังใจให้กับทหาร โดยการให้ทหารคนหนึ่งปีนบันไดขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ และพูดให้กำลังใจแก่เหล่าทหาร ทำให้ทหารเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดตำนานพระพูดได้ที่วัดศรีชุมแห่งนี้ และพระนเรศวรยังได้มีการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาขึ้นที่วัดแห่งนี้ด้วย
|
ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าลิไท และมีการดูแลบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย |
ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าลิไท และมีการดูแลบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย จนกระทั่งในสมัย รัชกาลที่ 9 ได้มีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ ในปี พ.ศ. 2495 โดยเริ่มมีการบูรณะพระพุทธรูปพระอจนะ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และอาจารย์เขียน ยิ้มสิริ วัดจึงอยู่ในสภาพที่เห็นในปัจจุบัน
|
วัดศรีชุม สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ในวัดปรากฏโบราณสถานขนาดใหญ่ลักษณะมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป |
สภาพโบราณสถานในวัดศรีชุม สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ในวัดปรากฏโบราณสถานขนาดใหญ่ลักษณะมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป ซึ่งสันนิษฐานว่าในอดีตตัวมณฑปน่าจะมีหลังคาคล้ายโดม ตัวมณฑปนั้นตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหน้าเปิดเป็นช่องเห็นพระพักตร์พระพุทธรูปงดงามแต่ไกล
|
อีกหนึ่งส่วนสำคัญคือ วัดศรีชุมมีการวางผังที่แปลกกว่าวัดทั่วไป ที่ใช้มณฑปที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานเป็นประธานของวัดเปรียบเป็นอุเทสิกเจดีย์ |
และอีกหนึ่งส่วนสำคัญคือ วัดศรีชุมมีการวางผังที่แปลกกว่าวัดทั่วไป ที่ใช้มณฑปที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานเป็นประธานของวัดเปรียบเป็นอุเทสิกเจดีย์ และมีพระวิหารต่อออกมาแบบที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น นักโบราณคดีให้ความเห็นว่ามณฑปพระอจนะน่าจะสร้างโดยมีคติเป็นพระคันธกุฎี คือที่ประทับของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล
|
วัดศรีชุม รูปแบบสันนิษฐานในอดีต ประกอบด้วย มณฑป วิหาร มณฑปเล็ก และวิหารขนาดเล็ก |
ตัวโบราณสถานประกอบด้วยอาคารหลัก 2 หลัง หลังแรกเป็นมณฑปรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 32 คูณ 32 ม. สูง 15 ม. ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีชื่อว่า พระอจนะ ในด้านหน้า เป็นวิหารหลวงมี 6 ห้อง ปรากฏในศิลาจารึกว่า “เบื้องตีนนอน” อยู่ทางทิศเหนือ จะมีพระพุทธรูปใหญ่ “เบื้องหัวนอน” จะอยู่ทางทิศใต้ สมัยพ่อขุนรามคำแหงโปรดให้สร้างมณฑปครอบพระพุทธรูปไว้ และในสมัยพระเจ้าลิไทโปรดให้ก่อผนังใหม่อีกข้างให้ห่างจากผนังเดิม 1 เมตร 50 ซ.ม.
|
โดยช่องว่างให้ทำบันได ทำอุโมงค์ขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ ผนังของอุโมงค์นี้โปรดให้ไปแกะหินชนวนจากเจดีย์เก้ายอดที่วัดมหาธาตุที่แกะ |
โดยช่องว่างให้ทำบันได ทำอุโมงค์ขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ ผนังของอุโมงค์นี้โปรดให้ไปแกะหินชนวนจากเจดีย์เก้ายอดที่วัดมหาธาตุที่แกะ สลักเป็นเรื่องราวชาดก 550 พระชาติ และในส่วนที่แกะหินชนวนโปรดให้สร้างพระสาวกปางลีลากระทำอัญชลีขึ้นแทน ในการสร้างมณฑปที่มีผนัง 2 ชั้นนั้นได้รับอิทธิพลศิลปะโปโลนนารวะของลังกา ซึ่งแพร่หลายมากในสมัยปรกมพาหุ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงนิยมสร้างพระอัฏฐารส และสมัยพระยาลิไทนิยมสร้างพระสาวกลีลา
ตามฝาผนังอุโมงค์มีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี เพดานผนังมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเป็นเรื่องในชาดกต่างๆ มีจำนวน 50 ภาพ เรียงประดับต่อเนื่องกัน ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นงานจิตรกรรมไทยที่เก่าแก่ที่สุดด้วย
|
ศิลาจารึกวัดศรีชุมเรียกว่า ศิลาจารึกหลักที่ 2 ทำด้วยหินดินดานเป็นรูปใบเสมา |
และศิลาจารึกวัดศรีชุมเรียกว่า ศิลาจารึกหลักที่ 2 ทำด้วยหินดินดานเป็นรูปใบเสมา กว้าง 67 เซนติเมตร สูง 275 เซนติเมตร หนา 8 เซนติเมตร ด้านที่หนึ่งจารึกอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย มี 107 บรรทัด ด้านที่สองมี 95 บรรทัด มีอายุประมาณ ปี พ.ศ. 1880 - 1910 นายพลโทพระยาสโมสรสรรพการ เมื่อครั้งเป็นที่หลวงสโมสรพลการ พบที่อุโมงค์วัดศรีชุม เมืองเก่าสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2430 ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
|
วัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม พูดถึงความเป็นมาของราชวงศ์พระร่วง และราชวงศ์ผาเมืองและการตั้งเมืองสุโขทัย |
วัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม พูดถึงความเป็นมาของราชวงศ์พระร่วง และราชวงศ์ผาเมืองและการตั้งเมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันความเป็นของแท้ดั้งเดิมของจารึกหลักที่หนึ่งในคราวที่มีกรณีข้อกล่าวหาว่าจารึกหลักหนึ่งเป็นของปลอม แผ่นหินที่แกะมาจากเจดีย์วัดมหาธาตุจารึกเป็นรูปบุคคล และรูปอาคาร เป็นหลักฐานชั้นสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าอาคารและบุคคลในสุโขทัยเป็นอย่างไร ซึ่งบอกเล่าประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งเมืองสุโขทัยได้เป็นอย่างดี
|
แม้กาลเวลาจะผ่านมานานหลายร้อยปี วัดศรีชุมก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงาม สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของอาณาจักรแห่งนี้ |
และแม้กาลเวลาจะผ่านมานานหลายร้อยปี วัดศรีชุมก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงาม สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของอาณาจักรแห่งนี้ และสร้างชื่อเสียงให้นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ช่วงเสริมสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องที่อีกด้วย
เครดิตข้อมูลจาก :
https://de.wikipedia.org/wiki/Wat_Si_Chum-------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้เรื่องน่ารู้กับการเปิดกรุ วัดราชบูรณะ เมืองเก่าอยุธา กับการลักลอบขุดกรุขโมยทรัยพย์สินมีค่าของชาติไป คลิ๊กดูบทความค่ะ>>รวมคำศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางต่างๆ ทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย มีคำว่าอะไรบ้าง จัดมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> แนะนำฝึกภาษาอังกฤษด้วยการร้องเพลงลิปซิ้ง พร้อมคำแปลไทย ร้องได้อย่างเพลิดเพลินใจ มีเพลงอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>แนะนำวิธีการทำข้าวหมากโบราณทานแบบง่ายๆ มากมีสรรพคุณประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดวิธีการทำค่ะ>>>น่ารู้กับคำอวยพรวันสงกรานต์ภาษาอังกฤษ-แปลไทย ข้อความส่งทางออนไลน์ให้กับผู้รับอย่างสุขใจ มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> แนะนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้เกี่ยวกับชื่อสถานที่ต่างๆ ที่อาจไม่รู้มาก่อน มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>น่ารู้กับคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับห้องครัว อุปกรณ์ของใช้จำเป็นต่างๆ ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> สาระน่ารู้กับคำคมภาษาอังกฤษ แปลไทย เพื่อสร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตให้สู้ต่อไปอย่างสดใส มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>รวมเมนูอาหารว่างคาวหวานไทยๆยอดนิยมช่วยคลายร้อน ที่ใครก็ต้องสรรหามาทานกัน มีเมนูอะไรบ้าง จัดมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> สาระน่ารู้กับคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอุปกรณ์สำนักงานที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน มีคำว่าอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>เรื่องน่ารู้กับดอกไม้ประจำ 77 จังหวัดในเมืองไทย มีดอกไม้อะไรบ้าง จัดมาให้อ่านเป็นความรู้กัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> รวมพืชผักสมุนไพรไทยสู้โรคหวัดไวรัส Corona Covid 19 ที่ต้องมีติดครัว ทำอาหารอร่อยได้ประโยชน์ มีอะไรบ้าง จัดมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>> น่ารู้กับคำศัพท์ภาษาอังกฤษกับงานอดิเรกที่สามารถทำที่บ้านได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ มีอะไรบ้าง จัดมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>