ไทยเบฟฯ มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมั่นคง
ปัญหาระยะสั้น สามารถจัดการได้ ไม่กระทบแผนระยะยาว
- เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ภูมิภาคอาเซียน
- พร้อมรุกตามแผน Vision 2020 บุกตลาดอาเซียน ขยายการลงทุน ผุดสินค้าใหม่
- ระดม Agent ทั่วประเทศ ดันยอดขายเต็มที่
กรุงเทพฯ 10 ตุลาคม 2558 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดวิสัยทัศน์ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรระดับอาเซียน มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมั่นคง ปัญหาต่างๆ น่าจะเป็นระยะสั้น สามารถบริหารจัดการได้ และไม่กระทบแผนธุรกิจระยะยาวของบริษัท เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ภูมิภาคอาเซียน พร้อมรุกตามแผน Vision 2020 บุกตลาดอาเซียน ขยายการลงทุน ผุดสินค้าใหม่ระดม Agent ทั่วประเทศ ดันยอดขายเต็มที่ นำโดยแม่ทัพใหญ่แห่งไทยเบฟฯ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่กลุ่มไทยเบฟฯ คุณอวยชัย ตันฑโอภาส กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจสุรา คุณประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเบียร์ มร.เอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเบียร์ประเทศไทย มร. ลี เม็ง ตัท กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มร.วิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และ คุณมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อบ่ายวันนี้
ไทยเบฟฯ เปิดทุกมิติแห่งผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรให้คุณได้สัมผัสกับมหกรรมความสุขที่จะอยู่กับคุณทุกช่วงเวลาพร้อมยกอาณาจักรเครื่องดื่มครบวงจรมาให้ได้ ช็อป ชม ชิลล์ กันแบบจัดเต็มกับสินค้าราคาสุดพิเศษในงาน “ไทยเบฟเอ็กซ์โป 2015” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมใช้โอกาสพิเศษนี้จัดงานแถลงข่าวประกาศจุดยืนในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรระดับอาเซียน และแสดงศักยภาพอันแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มของไทยเบฟฯ ดังเช่นทุกๆ ปี ซึ่งในปีนี้ ทางด้านแม่ทัพใหญ่ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)เผยว่า “สำหรับปีนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จอีกขั้นของไทยเบฟฯ ที่จะพัฒนาในทุกๆ ด้านเพื่อสอดคล้องกับ Vision 2020 ที่ผมได้ประกาศไปในปีที่แล้ว ซึ่งในด้านของผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2015 ยังคงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือเติบโตทั้งด้านยอดขาย และผลกำไร ภาพรวมถือว่าดีกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในส่วนของผลประกอบการครึ่งปีหลังก็มีแนวโน้มเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงแค่ระยะสั้น มั่นใจว่าหลังจากที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาได้แล้วเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ และส่งผลให้การค้าขายในตลาดปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนของการดำเนินงานตามแผน Vision 2020 โดยยึด 5 กลยุทธ์หลักคือ
Growth (การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ) ไทยเบฟฯ วางเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุด และมีผลกำไรสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเราสามารถผลักดันการเติบโตทางธุรกิจมาได้อย่างต่อเนื่อง จากการใช้กลยุทธ์ในทุกๆ ด้านรวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเนื่อง
Diversity (ความหลากหลายของตลาดและผลิตภัณฑ์) กลุ่มบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มรายได้จากการขายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ให้มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของรายได้ทั้งหมดภายในปี 2563 ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากการขายสินค้านอกประเทศมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของรายได้รวม เช่นเดียวกันการขยายธุรกิจสู่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ทำให้ไทยเบฟฯ มีการใช้กำลังการผลิตที่มากขึ้น และก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเครื่องดื่มครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบในระดับอาเซียนได้อย่างแท้จริง
Brand (ตราสินค้าที่โดนใจ) ถือเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จทางธุรกิจ ที่ไทยเบฟฯ มุ่งเน้นในการพัฒนาตราสินค้าในกลุ่มให้มีความหลากหลาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งด้าน คุณภาพ ฉลาก รสชาติ และราคา และยังมีการลงทุนในตราสินค้าหลักคือ เบียร์ช้าง ในแพ็คเกจดีไซน์บรรจุแบบใหม่ภายใต้ขวดสีเขียวมรกต ที่สะท้อนความสดชื่น สื่อถึงความเป็นพรีเมี่ยมทันสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึง 100 พลัส ในประเทศไทย และ เอส ในประเทศมาเลเซียที่มีแผนจะวางจำหน่ายในตลาดอาเซียนต่อไป
Reach (การขายและกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง) ไทยเบฟฯ ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าแข็งแรงและครอบคลุมในประเทศ และประเทศหลักๆ พร้อมที่จะกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคในตลาดเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการมีสินค้าที่หลากหลาย และส่งถึงมือผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Professionalism (ความเป็นมืออาชีพ) ไทยเบฟฯ ยังคงมุ่งเน้นในส่วนของการสร้างความเป็นมืออาชีพให้เกิดขึ้นในองค์กร โดยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เราต้องการสร้างความเป็นมืออาชีพให้เกิดขึ้นในองค์กรโดยพัฒนาขีดความสามารถของบุคคลากร และผลักดันศักยภาพของทุกคนให้ถึงขีดสุด เพื่อให้คนพร้อม ทุนพร้อม สินค้าพร้อมที่จะออกรบสู่การขยายตัวในตลาดต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ ไทยเบฟฯ มั่นใจว่าเป็นการเตรียมความพร้อมครบถ้วน และพร้อมที่จะยืนอยู่ในจุดที่ได้เปรียบคู่แข่ง ในทุกๆ ด้าน พร้อมทั้งด้านการลงทุน พร้อมทั้งคนที่เป็นมืออาชีพ รวมถึงความพร้อมในด้านของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นในปีหน้า 2016 ถือเป็นอีกก้าวต่อไปของไทยเบฟฯ ที่อยากให้ทุกคนจับตาดู
ในด้านของกลุ่มธุรกิจสุรา คุณอวยชัย ตันฑโอภาส กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจสุรา เผยว่า “ ปัจจุบันเราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสุราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตราสินค้าในทุกด้านเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ Vision 2020 การพัฒนาคุณภาพ และปรับภาพลักษณ์สู่ตลาดสากลถือเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ ทางด้านภาพรวมของกลุ่มธุรกิจสุรายังคงแข็งแกร่ง ไม่ได้รับผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือก แม้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาดื่มสุราที่มีราคาถูกในระยะสั้น แต่ก็ยังคงเลือกซื้อในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา ในขณะเดียวกันเรายังมีผลิตภัณฑ์ระดับสูงจาก Inver House ซึ่งเป็นบริษัทโรงกลั่นสุราพรีเมี่ยมในประเทศสก๊อตแลนด์ ที่มีแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายผ่าน HOREGA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่อีกด้วย”
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเบียร์ เบียร์ช้าง ยังคงเป็นตราสินค้าหลักที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของปริมาณขาย และยอดขาย และยังมุ่งมั่นในเรื่องภาพลักษณ์ของตราสินค้าผ่านกิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ และโรงงานผลิตที่ทันสมัยเพื่อรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน
ขณะที่ คุณประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่กลุ่มธุรกิจเบียร์ เผยว่า “สำหรับพันธกิจของกลุ่มธุรกิจเบียร์มีเป้าประสงค์จะสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้เป็นอันดับ 1 ของไทยภายในปี 2020 ตาม Vision 2020 อย่างต่อเนื่อง และนอกเหนือจากประเทศไทยแล้ว “เบียร์ช้าง” ได้มีการสร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าในประเทศหลักในอาเซียน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา และเมียนมาร์ ซึ่งการปรับภาพลักษณ์ “เบียร์ช้าง” ในครั้งนี้ จะสามารถส่งเสริมศักยภาพการกระจายสินค้าทั้งในระดับภูมิภาค และในระดับโลกได้อย่างแน่นอน”
ด้าน มร.เอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย กล่าวเสริมเกี่ยวกับ “เบียร์ช้าง” ดีไซน์รูปลักษณ์ใหม่ภายใต้ขวดสีเขียวนี้ว่า “หลังจากที่เริ่มการผลิตตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน “ช้าง” จะมุ่งสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ในรูปแบบใหม่ และเพื่อเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่อย่างเหนือระดับ “ช้าง” จะมีการจัดงาน Chang Emerald Lounge ที่ลานแกลลอรี่ห้างดิเอ็มควอเทียร์ ระหว่างวันที่ 17 – 18 ตุลาคมนี้ รวมถึงงานลานเบียร์ที่จะจัดขึ้นในอีกหลายสถานที่ช่วงปลายปีไปจนถึงเทศกาลปีใหม่”
และสำหรับกลุ่มธุรกิจไม่มีแอลกอฮอล์ มร. ลี เม็ง ตัท กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจไม่มีแอลกอฮอล์ เผยว่า “ Vision 2020 สำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เราคาดหวังที่จะเปิดตัวสินค้าแบรนด์หลักในระดับภูมิภาคผ่านเครือข่ายการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งในประเทศหลักของเอเชีย เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน โดยอาศัยเครือข่ายพันธมิตรในกลุ่มไทยเบฟฯ ภาพรวมผลประกอบการของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทำรายได้เป็นที่น่าพึงพอใจ และเป็นไปตามแผน ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก เป้าหมายต่อไปของเราขณะนี้อยู่ในช่วงของการลงทุนสร้างแบรนด์การขยายพอร์ตโฟลิโอ และผลักดันทุกผลิตภัณฑ์ให้ติดตลาดในอันดับต้นๆ”
ทางด้าน มร.วิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจมีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้จัดการบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการขยายสู่ตลาดอาเซียน ในด้านของภาพรวมตลาดใหม่มีการกระจายจำหน่ายสินค้าข้ามประเทศ 100 พลัส ในประเทศไทย โออิชิ ในประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เอส ในประเทศมาเลเซีย และยังมีการร่วมมือกับ F&N ในด้านต่างๆ อาทิ การจัดซื้อ การแชร์สินค้า รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างผู้บริหาร”
และ คุณมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “1 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปตามแนวทางที่เรากำหนดไว้ ตามกลยุทธ์ที่สำคัญ 5 ประการของ Vision 2020 ในเรื่องของการเติบโตและความหลากหลายเราได้มีการเพิ่มหมวดหมู่ของสินค้า เห็นได้ชัดจากการเปิดตัวอย่าง ประสบความสำเร็จของแบรนด์ จับใจ โดยมี ณเดชณ์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซ็นเตอร์ และ 100 พลัส ที่ได้ อาทิวราห์ คงมาลัย เป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคมากว่าที่เราคาดหวังไว้ ในด้านของแบรนด์เราสร้างแบรนด์หลักให้ติดระดับภูมิภาค รวมทั้งลงทุนในการสร้างแบรนด์ และพัฒนาสินค้าใหม่ให้ดีที่สุดในตลาด นอกจากนี้ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายสินค้าโดยสร้างความแข็งแกร่งภายในกลุ่มผ่าน Modern trade และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม รวมทั้งเรื่องของการลงทุนกับบุคลากร ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญลำดับสุดท้ายในเรื่องความเป็นมืออาชีพ”
ทั้งหมดเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมสูงสุด ที่ไทยเบฟฯ จะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนได้ตามที่วางเป้าหมายไว้ในปี 2020
